กำหนดการเดินทาง

ห่างจากทางใต้ของสถานี Kitahama Sta. เพียงไม่กี่นาที บนมุมของถนน Sakaisuji คือ อาคารไดนามิคในแบบอาร์ทเดคคอร์แนวตะวันออก Koraibashi Nomura Building ออกแบบในปี 1927 โดย Takeo Yasui ที่มีส่วนในการออกแบบ Osaka Club และอื่นๆ เป็นอาคารโครงเหล็กและคอนกรีตเสริมเหล็ก ซึ่งหายากในเวลานั้น เสาที่ทางเข้าตั้งแบบอิสระ มีเอกลักษณ์ในการตกแต่งด้วยพระจันทร์เสี้ยวสีขาวและต้นไผ่ และบริเวณพื้นทางเข้ามีอักษรสิบสองนักษัตรจีน และลายเส้นขาวดำ

บริเวณทางใต้ของอาคาร Nomura Building คือย่าน Doshomachi ที่รุ่งเรืองในฐานะเมืองแห่งยา ตั้งแต่สมัยเอโดะ บริเวณนี้เคยถูกเรียกว่า Semba เหนือ เต็มไปด้วยร้านรวงที่สร้างด้วยไม้ ตั้งเรียงราย แต่จากการทิ้งระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันกลายเป็นอาคารสมัยใหม่ของบริษัทยาเจ้าใหญ่ตั้งเรียงรายขึ้นแทน หนึ่งในบรรดานั้นคือ บ้านพักอาศัยเก่าตระกูล Konishi ซึ่งมีบรรยากาศแบบ Semba ในสมัยก่อน โดยสร้างหันไปด้าน Sakaisuji ที่นี่เป็นร้านค้าเดิม และเป็นที่อยู่ของพ่อค้ายารักษาโรค Konishi Gisuke (ปัจจุบัน : Konishi Co., Ltd.) ที่ก่อตั้งในปี 1874 ตัวอาคารสร้างในปี 1903 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ เมื่อเดือนเมษายน ปี 2001 ว่ากันว่า ภายในมีห้องที่มีลวดลายซับซ้อน และยังมีห้องชาและครัวที่สามารถทำอาหารให้ครอบครัวและพนักงานได้ 50 คน ทำให้รำลึกถึง Semba ที่ดีและดั้งเดิม (ภายในเป็นที่ส่วนบุคคล)

อ่านเพิ่มเติม

อาคารภายนอกสวยสง่า สามารถมองลงมายังผู้คนและรถที่วิ่งผ่านไปมา อาคาร Ikoma Building สร้างเสร็จในปี 1930 โดยส่วนร้านนาฬิกา Ikoma Clock Shop Ltd. ใช้เงินไป 150,000 เยน ซึ่งเป็นจำนวนเงินมหาศาลในสมัยนั้น ออกแบบโดย Sou Hyouzou ในแบบอาร์ทเดคคอร์ หน้าต่างสูงจากชั้น 3 ไปยังชั้น 5 และหน้าต่างกลมที่ชั้น 2 ซึ่งออกแบบตามลูกตุ้มของนาฬิกา อาคารมีการตกแต่งอย่างปราณีต ทั้งรูปสลักนกอินทรีจากหินแกรนิต บริเวณเหนือทางเข้าและหน้าต่าง, บันไดจากหินอ่อนอิตาเลี่ยนที่ทางเข้า, กระจกสีจากช่วงต้นยุค Showa ทำให้รู้สึกถึงจิตวิญญาณเจ้าของธุรกิจในเวลานั้น ปัจจุบันที่นี่เป็นสำนักงานให้เช่า และได้รับการลงทะเบียนเป็น "ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้" จากกระทรวงวัฒนธรรมในปี 1997 และในปี 2004 ที่นี่ถูกเลือกให้เป็น "สิ่งที่กำหนดภูมิทัศน์" ของโอซาก้า

อ่านเพิ่มเติม

ลงไปทางใต้เล็กน้อยจากอาคาร Ikoma Building คือ อาคารสูงสง่ากลางเมืองในกลุ่มบริษัทที่เกียวกับสิ่งทอ ออกแบบในปี 1931 โดย Watanabe Setsu ในช่วงที่อุตสหกรรมสิ่งทอของโอซาก้ารุ่งเรือง เมื่อเปิดประตูด้านหน้าขนาดใหญ่เข้าไปแล้ว จะพบกับการตกแต่งภายในที่งดงาม ทั้งโถงทางเข้าที่เคยรับกลุ่มสันนิบาตชาติ Lytton ในการสืบสวนกรณีแมนจูเรีย และแขก VIP ของแต่ละประเทศในการประชุมนานาชาติ เป็นต้น ภายในตกแต่งแบบอิตาเลียนเรเนสซองส์บรรยากาศสวยสง่าและสงบ มีโคมระย้าส่องสว่าง ห้องโถงเลานจ์เพดานสูง ห้องรับรองแขกพิเศษที่ทั้งเพดานและเฟอร์นิเจอร์มนโค้งสวยงาม และห้องประชุมหินอ่อนฝังฟอสซิลแอมโมไนต์ เป็นต้น ที่นี่เป็นสถานที่เฉพาะของ Nihon Mengyo Club (สมาชิกประมาณ 800 คน) ที่ตั้งในปี 1928 แต่อนุญาตให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้ เดือนละครั้งถ้าติดต่อล่วงหน้า (วันเสาร์สัปดาห์ที่ 4 ของเดือน เวลา 14:30 เป็นต้นไป) มารู้สึกถึงลมหายใจของอดีตได้ที่นี่

อ่านเพิ่มเติม

อาคาร Semba Building สร้างในปี 1925 ได้รับความสนใจในฐานะอาคารอันมีเอกลักษณ์เฉพาะ มีทั้งสำนักงานและที่อยุ่อาศัย มีการออกแบบที่ยอดเยี่ยมทั้งด้านดีไซน์และการใช้งาน สวนภายในกว้างขวาง มีทางลาดจากทางเข้าที่รถบรรทุกหรือรถม้าสามารถเข้าออกได้ในสไตล์ที่เรียกกันว่า Semba ทางเข้าของแต่ละห้องหันไปสู่ลานภายใน มีสำนักงานและสตูดิโอมากมาย สวนแบบอังกฤษที่ดาดฟ้ามีพืชพันธุ์และดอกไม้กว่า 250 ชนิด จัดได้ว่าเป็นโอเอซิสของเมือง (กรุณาสอบถามเวลาทำการ)

อ่านเพิ่มเติม

ถนน Sankyubashi-suji ทอดยาวไปด้านเหนือและใต้ อยู่ระหว่าง Midosuji และ Sakaisuji ที่นี่ต่างจากถนนใหญ่อื่นๆที่เป็นที่รู้จัก ด้วยความกว้างของถนนที่กำลังพอดีและมีต้นไม้ตามริมทาง เรียงรายด้วยสถาปัตยกรรมอันมีชื่อ และมีคาเฟ่ใหม่ๆ เหมาะแก่การเดินเล่น มีร้าน Chez Wada Koraibashi สาขาหลัก ตั้งหันเข้าทางถนน และติดกันทางใต้คือ โบสถ์คริสต์ Naniwa ออกแบบโดย William M. Vories สถาปนิกอเมริกัน ซึ่งมาที่ญี่ปุ่นในปี 1905 Vories นักออกแบบห้าง Daimaru สาขา Shinsaibashi อาศัยอยู่ที่ Omihachiman จังหวัดชิกะ เผยแพร่ศาสนาคริสต์ และได้ทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในด้านต่างๆ เช่น การแพทย์ และการศึกษา ที่นี่มีบรรยากาศที่ชำระล้างจิตใจด้วย หน้าต่างสูงสไตล์โกธิค และหน้าต่างสีสวยงาม

อ่านเพิ่มเติม

อาคารที่ตั้งอยู่ที่ฝั่งตะวันตกของถนน Midosuji เป็นที่รู้จักทั่วไปในชื่อ Gas Building ออกแบบโดย Yasui Takeo เช่นเดียวกับอาคาร Nomura Building สร้างเสร็จในปี 1933 ชั้นล่างเป็นแกรนิตสีดำ ตัดกับกระเบื้องสีขาวนมสวยงาม มีมุมโค้งสไตล์โมเดิร์น ให้ความรู้สึกมีเอกลักษณ์โดดเด่นแม้จะกลมกลืนกับเมือง และเนื่องจากเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัทแก็ส ที่ชั้น 1 จึงมีพื้นที่จัดแสดงและสาธิต ส่วนที่ชั้น 8 มีร้านอาหาร Gas Building ที่ได้รับความนิยม และเป็นผู้บุกเบิกอาหารตะวันตก ซึ่งเปิดให้บริการเวลาเดียวกับอาคาร ในปี 2000 ที่นี่เปิดใหม่หลังปรับปรุง แต่ก็ยังคงบรรยากาศเรโทรแบบดั้งเดิมอยู่ เคาน์เตอร์บาร์นั้น เป็นของดั้งเดิมในอดีต มาลิ้มรสบรรยากาศแบบพ่อค้านำสมัยในยุคนั้น และเต็มอิ่มกับการเดินทัวร์ชมย่านนี้